วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การดูแลรักษาเครื่องใช้ประเภทไม้

การดูแลรักษาเครื่องใช้ประเภทไม้
1. เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้ประดู่หรือไม้ตะเคียนทอง
โดยทั่วไปควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
  • สำหรับ เฟอร์นิเจอร์ใหม่ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูสะอาดนุ่มๆ ชุบน้ำผสมสบู่จางๆเช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุมก็เพียงพอ (อย่าใช้น้ำมาก เพราะจะทำให้ผิวเป็นรอยด่าง) และหลังจากการเช็ดแล้วต้องผึ่งแล้วทิ้งไว้แห้งโดยเร็วที่สุดเสมอ แต่สำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษให้เช็ดด้วยผ้าฝ้าย หรือผ้าขนหนูสะอาดแบบแห้งๆเช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุม หรือปัดฝุ่นด้วยไม้ขนไก่จะดีกว่า
  • ปัจจุบัน มี ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ออกมาขายด้วย ทั้งแบบสเปรย์และแบบครีม ซึ่งใช้ง่าย มีกลิ่นหอม ทั้งยังบำรุงผิวไม้ไปพร้อมกับการทำความสะอาด แต่อย่าใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียหรือแอลกอฮอลล์กับไม้เด็ดขาด หรืออาจใช้น้ำยาขัดเงาแบบสำเร็จรูปฉีด แล้วทิ้งให้แห้ง
  • หากมีร้อยเปื้อนมากๆให้ทำการขัดออกด้วยกระดาษทราย ทาด้วยขี้ผึ้ง แล้วขัดออกด้วยผ้าแห้ง
  • โดยทั่วไปควรหลีกเลี่ยงจุดวางที่มีแดดแรงๆ เพราะจะทำลายสีของไม้ หลังจากทำความสะอาดแล้วให้ลงน้ำมันบำรุงผิวอีกที
  • คราบสกปรกจากน้ำ (หลังจากวางแก้วน้ำบนโต๊ะไม้นานๆ) ก็เป็นปัญหากวนใจ วิธีแก้ไขคือ เช็ดน้ำให้แห้งสนิท จากนั้นใช้ผ้าสะอาดแตะมายองเนสถูลงบนรอยนั้น รอยด่างเป็นดวงๆจะจางไป และถ้าเนื้อไม้มีรอยขีดข่วน ให้ลองใช้ยาขัดรองเท้าสีใกล้เคียงกับเฟอร์นิเจอร์ทาลงบนรอยนั้น
2. การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้ออ่อน (เช่น ไม้ไผ่หรือหวาย)
โดยทั่วไปควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
  • ใช้แปรงหรือไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออก
  • ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าขนหนูสะอาดนุ่มๆ ชุบน้ำผสมสบู่จางๆเช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุมก็เพียงพอ (อย่าใช้น้ำมาก เพราะจะทำให้ผิวเป็นรอยด่าง) และหลังจากการเช็ดแล้วต้องผึ่งแล้วทิ้งไว้แห้งโดยเร็วที่สุดเสมอ
  • ควรฉีดยาฆ่าแมลงเพื่อป้องกันมอด แล้วนำมาตากแดด
  • ไม่ควรนำมือที่เปียกหรือวางวัสดุที่มีความชื้นบนพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้เกิดรอยด่าง แต่ถ้ามีรอยเปื้อนมากๆ ให้ทำการเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นให้ทั่ว แล้วขัดด้วยขี้ผึ้ง
เทคนิคการซ่อมแซมและทำสีเฟอร์นิเจอร์ไม้

            เฟอร์นิเจอร์ไม้ ถ้าหากเราทิ้งไว้นานๆ อาจจะมีเชื้อราเกิดขึ้น มีรอยแตกแยก โก่ง งอ หรือสีไม้เปลี่ยนไป ดังนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเราควรนำเฟอร์นิเจอร์ไม้มาซ่อมและทำสีใหม่ เพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยมีขั้นตอนหลักๆดังนี้

1. ทำชิ้นงานให้เรียบเนียน โดยการขัดชิ้นงานด้วย
1.1 กระดาษทรายเบอร์ 80-100 ก่อน
1.2 จากนั้นให้เปลี่ยนเบอร์กระดาษทรายเป็นเบอร์ 150 เพื่อให้ผิวงานเรียบขึ้น (ในการเปลี่ยนเบอร์กระดาษทราย เราควรมีการดูดฝุ่นที่เกาะที่ผิวงานออกก่อนด้วย เพราะมิฉะนั้นเศษทรายของกระดาษเบอร์เก่า อาจจะมีผลทำให้ชิ้นงานเป็นรอยได้ และในการขัดควรใช้กระดาษทรายพันกับไม้เพื่อให้กระดาษเรียบไปกับชิ้นงาน
1.3 และสุดท้ายให้เปลี่ยนเป็นกระดาษทรายเบอร์ 200-220 เพื่อเป็นการขัดครั้งสุดท้าย และหลังจากที่ผ่านการขัดกระดาษทรายเบอร์สุดท้ายแล้ว จะต้องกำจัดฝุ่นออกให้หมดโดยการใช้แปลงปัด , ผ้าเช็ด , ดูดฝุ่น หรือ ใช้ลมเป่า
2. อุดรูร่องเสี้ยนไม้หรือเรียกว่าทำการโป๊ว โดยจะใช้ผงดินสอพองผสมน้ำ ผสมสีฝุ่น ต้องผสมให้สีใกล้เคียงกับสีผิวไม้ที่เราจะอุดด้วย และถ้าหากต้องการเพิ่มความสามารถในการยึดติดกับเนื้อไม้ให้มากขึ้น ให้ใช้น้ำมันวาร์นิช ผสมลงไปด้วยเล็กน้อย เมื่อผสมส่วนผสมได้ที่แล้วให้นำไปใส่ถุงพลาสติกแล้วรัดด้วยหนังยาง เพื่อที่เราจะได้แบ่งออกมาได้ใช้ทีละน้อย

วิธีดูแลและบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้ตะเคียนทอง

          เนื่องจากไม้ตะเคียนทองเป็น วัสดุทางธรรมชาติ ดังนั้นย่อมมีการชำรุดเสียหายไปตามกาลเวลา มีปัจจัยหลายอย่างทั้งสภาพแวดล้อม แสงแดด ความชื้น และการกัดกินของแมลงหรือปลวกที่เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เนื้อไม้ตะเคียนทอง มี การชำรุดเสียหาย
         ดังนั้นจึงต้องมีการดูแลรักษาไม้ตะเคียนทองที่ถูกต้อง เพื่อให้ไม้ตะเคียนทองที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม้ตะเคียนทองที่แปรรูปออกจากโรงงานไม้นั้นตอนแรกมักดูไม่มีความสวยงามสัก เท่า ไหร่ การทำสีและตกแต่งพื้นผิวของเนื้อไม้ตะเคียนทองจึงมีความจำเป็นอย่างมากในสมัยก่อนช่างไม้ได้นำเอาวัสดุธรรมชาติ เช่น ขี้ผึ้งและน้ำมันจากไม้บางชนิด มาใช้ตกแต่งผิวไม้ตะเคียนทอง
         แต่ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นวัสดุทั้งจากทางธรรมชาติ และจากการสังเคราะห์ที่ดีนำมาใช้เคลือบผิวและตกแต่งสี ทำให้เพิ่มคุณค่าทั้งความงามและสามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยได้ ดียิ่งขึ้น ขั้นตอนในการทำและตกแต่งผิวไม้ตะเคียนทองจะต้องทำด้วยความพิถีพิถัน พื้นผิวที่รองไม้ตะเคียนทองจะต้องสะอาด ขัดผิวอย่างดี ปราศจากรอยตำหนิ ขั้นตอนการทำสีและตกแต่งผิวมีหลายแบบ ดังนี้
1. การย้อมสีด้วยน้ำยาวู๊ดสเตน เพื่อป้องกันแสงแดด และน้ำซึมเข้าเนื้อไม้ตะเคียนทอง
2. โดยก่อนจะทาน้ำยาต้อง
     2.1เตรียมพื้นผิวให้เรียบด้วยกระดาษทราย
     2.2 นำดินสอพองมีลักษณะดินสีขาวเป็นก้อนหรือเป็นผง ผสมกับน้ำเพื่อให้นิ่มใช้อุดร่องเสี้ยนหรือลงพื้น
     2.3 นำสารกันซึมหรือซีลเลอร์ ใช้เคลือบรองพื้นวัสดุที่มีรูพรุน หรือใช้เคลือบวัสดุที่อาจปล่อยสารบางประเภท ออกมาทำให้ฟิล์มของวัสดุเคลือบเสียหาย สารกันซึมถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่แต่เดิมช่างใช้เชลแล็กเป็นตัวเคลือบผิว ฟิลเลอร์ ทำหน้าที่คล้ายดินสอพองอุดร่องไม้ตะเคียนทองและอุดรอยแตกต่างๆ สามารถผสมกับสีย้อม สีฝุ่น ดินสี เพื่อให้ได้สีตามต้องการ
3.  เมื่อเตรียมพื้นผิวได้ดีแล้วให้เลือกใช้วัสดุเคลือบผิวที่จะทำให้ไม้ตะเคียน ทอง สวยงามและทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ เพื่อขับลายไม้ตะเคียนทอง คือ
3.1 แลกเกอร์ มีทั้งชนิดเงาและด้าน สามารถใช้งานง่าย ทนต่อสภาพอากาศทั่วไปได้เป็นอย่างดี และทนต่อการขูดขีด
3.2 เชลแล็ก เป็นน้ำยาทาไม้ตะเคียนทองชนิดหนึ่งให้ความสวยงามทนทาน
3.3 วาร์นิช หรือน้ำมันชักเงา ใช้ทาชิ้นงานไม้ตะเคียนทองเพื่อให้เกิดความเงางาม ใส สวยงาม มักใช้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ตะเคียนทอง เครื่องเรือนไม้ตะเคียนทอง
3.4 แต่ถ้าไม่ชอบให้ดูเป็นฟิล์มเคลือบก็ใช้น้ำมันบำรุงรักษาผิว เช่น Teak Oil หรือ Oil Stain ที่เหมือนเป็นโลชั่นสำหรับไม้ แต่ต้องทาเป็นระยะๆ (ทุก 3 เดือน)
4.เมื่อทาน้ำยาชนิดต่างๆ จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรที่จะนำไม้ตะเคียนทองไปตากแดดให้แห้งสนิท เพื่อช่วยเพิ่มความมันวาวและความแข็งแรงทนทานของเนื้อไม้

การดูแลรักษาของเฟอร์นิเจอร์ "หนัง"



การดูแลรักษาของเฟอร์นิเจอร์ "หนัง"


ประเภทและวิธีการดูแลรักษาของเฟอร์นิเจอร์ สำหรับคนที่มีบ้าน คอนโด ทาวน์เฮ้า หรือแม้แต่ออฟฟิศ ล้วนแต่ต้องมีเฟอร์นิเจอร์มาอำนวนความสะดวกกันอยู่แล้ว ในบรรดาวัสดุที่นิยมนำมาใช้ประดับเฟอร์นิเจอร์และนำมาเป้นวัสดุรองนั่งมี หลายประเภท แต่วันนี้ขอนำเสนอเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจาก “หนัง” หนังเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง หรือเก้าอี้ต่างๆ โดยส่วนมากเรามักจะเห็นหนังถูกนำมาเป็นวัสดุบุเฟอร์นิเจอร์ เช่น เบาะหนังรองนั่ง เท้าแขนของเก้าอี้และโซฟา แต่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็นำหนังมาดัดแปลงเพื่อเพิ่มความแปลกใหม่และหรูหรา ให้มากขึ้น เช่น เตียงเดย์เบด โต๊ะ กล่อง ชั้นเก็บของต่างๆ ฯลฯ เฟอร์นิเจอร์หนังเป็นที่นิยมใช้ในที่พักอาศัย รวมถึงยังเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บอกฐานะและรสนิยมอันหรูหราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ประเภท "หนัง" เป็นวัสดุหนึ่งที่นิยมใช้มากที่สุดด้วยลักษณะที่มีความนุ่มนวล สีสันที่สวยงามเป็นธรรมชาติดูมีราคา ไม่สะสมความร้อน และไม่อมฝุ่นละอองต่างๆ

ประเภทของ"หนัง" ที่นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์มีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ หนังแท้และหนังเทียม

1.หนังแท้หรือหนังธรรมชาติ มีความโดดเด่นเรื่องความหรูหราดูสง่างามมีรสนิยมอย่างมาก หนังที่ใช้มักมาจากทั้งหนังวัว หนังควาย หนังม้า ฯลฯ เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่ทำจากหนังแท้จะมีราคาแพงแต่ในความรู้สึกเมื่อ สัมผัสที่ดีเป็นธรรมชาติ มีความนุ่มนวลในตัว และดูดีมีราคาในตัวเอง
2.หนังสังเคราะห์ ซึ่งไม่ใช่หนังธรรมชาติ แต่เกิดจากกรรมวิธีทางเคมีเพื่อทดแทนหนังธรรมชาติ โดยผลิตออกมาคล้ายกับหนังแท้ ซึ่งทุกวันนี้หนังสงเคราะห์มีการพิมม์สีและลายได้สวยเหมือนหนังแท้เลยที เดียวยิ่งลักษณะภายนอกเหมือนหนังธรรมชาติมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น

เฟอร์นิเจอร์หนังดังนั้นหากคิดจะซื้อเฟอร์นิเจอร์หนังควรจะซื้อหนังแท้หรือหนังเทียมดี ซึ่งหลายๆคนคิดว่าควรจะซื้อหนังแท้เป็นหลัก แต่เรามาดูมาดูข้อเสียของหนังแท้และหนังสังเคราะห์กันก่อนที่จะติดสินใจซื้อ กันก่อนดีกว่า
ข้อเสียของหนังแท้
แม้จะมีผิวที่สวยงามและนุ่มเป็นธรรมชาติกว่าหนังเทียม แต่ก็มีข้อเสียไม่น้อยเลย เช่น ราคาแพง ต้องหมั่นดูแลรักษาเช็ดและเคลือบเงาอยู่เสมอ เนื่องจากหนังแท้จะยังคงมีไขมันหลงเหลืออยู่ เมื่อไขมันระเหยสลายไปจะทำให้หนังแข็งกระด้างและเกิดแตกลายงาได้
ข้อเสียของหนังสังเคราะห์
หนัง เทียมนั้นจะมีความทนทานและรับน้ำหนักได้ไม่มากนัก ฉีกขาดง่ายกว่าหนังแท้ และรักษารูปทรงให้คงเดิมได้ยาก เรื่องความรู้สึกหรือผิวสัมผัสยังคงมีความแตกต่างจากหนังแท้อยู่พอสมควร
สำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทำจากหนังแท้ต้องดูแลรักษามากกว่าหนัง สังเคราะห์พอสมควร ซึ่งอันที่จริงแล้วเฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกชนิดล้วนต้องการการดูแลรักษา ด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นผ้า ไม้ เหล็ก หรือพลาสติก เพียงแต่ว่าวัสดุใดจะมีจุดอ่อนด้านไหน และต้องดูแลรักษาด้านไหนเป็นพิเศษ

การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่ทำจากหนัง

การดูแลรักษาเฟอร์นิเจอร์หนัง1.ห้ามใช้สารเคมี เช่น น้ำมันสน น้ำยาขัดเงา และน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดต่างๆ เช็ดเด็ดขาด เพราะน้ำยาเหล่านี้จะทำลายผิวนอก ของหนังให้ซีดและแห้ง โดยเฉพาะหนังสังเคราะห์ที่แม้จะมีหน้าตาคล้ายหนังแท้มากแค่ไหน แต่อย่าลืมว่าหนังสังเคราะห์นั้นก็คือพลาสติกชนิดหนึ่งนั้นเอง
2.ถ้าเป็นหนังแท้ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังแท้โดยแฉพาะ
3.ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์หนังไว้ใกล้ที่ร้อน ชื้นแฉะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้อายุการใช้งานของหนังสั้นลงและทำให้เกิดเชื้อรา
4.การทำความสะอาดโดยทั่วไปสามารถใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดได้

การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า

การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า

การดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า                การดูเครื่องใช้ไฟฟ้าในกรณีเราใช้ประจำอย่างสม่ำเสมอแล้ว  เราต้องดูเราให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้  ให้ด๔สะอาด  รวมไปถึงการรักษาให้ใช้ได้ยาวนาน  โดยปติแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นหากตั้งภายในบ้านเราก็ควรจะทำให้ดูแลสะอาด อยู่เสมอ  จะทำให้บ้านเราน่าอยู่มากขึ้น
                เตารีด
                เตารีดเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความร้อนแล้วนำความร้อนนั้นมารีดลงบนเสื้อผ้า  สิ่งหนึ่งที่มักพบได้บ่อย  คือรอยไหม้ที่เตารีดใช้ไปได้ระยะหนึ่งเนื่องจากความร้อนสูงกับเสื้อผ้าและ กระดุมทำให้เกิดรอยไหม้ของเรา  สำหรับวิธีการแก้ไขมีหลายวิธีแต่ไม่ไช้นำเอามีดหรือว่าของมีคมที่ทำให้ หน้าเตารีดเกิดความเสียหายได้  วิธีการแบบชาวบ้านง่ายที่สุดคือการนำใบตองจากต้นกล้วยนี้ล่ะ  เมื่อเตารีดร้อนได้ที่ก็นำไปทาบกับใบตองให้ไหม้ไปเลย  หลายๆครั้งแล้วจะค่อยหลุดและจางลง  หลังจากนั้นก็นำไปถูกับเตารีดอีกครั้ง  วิธีนี้สามารถที่ขจัดคราบไหม้แล้ว  ยังช่วยให้เตารีดของเรานั้นรีดลื่นอีก  หรืออีกวิธีหนึ่งคือการนำผ้าถูกใส่กับสบู่แล้วมาถูกับเตารีดที่ยังร้อน  ถูๆจนสามารถที่จะออกได้หมด
                อีกกรณีหนึ่งของเตารีดคือการเป็นสนิม  จากที่เราไม่ได้ใช้ไปนานๆ  มักจะเกิดสนิม  โดยการนำน้ำส้มสายชู  ยาสีฟันหรือว่าเทียนไขก็ได้  แล้วนำมามาถูบริเวรสนิม  แล้วสนิมก็จะจางหายไปได้
                โคมไฟ
                อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่าง  และเป็นสิ่งที่ให้เป็นเครื่องตกแต่งบ้าน  ดังนั้นความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ  สำหรับโคไฟมักเกิดไฟฟ้าสถิตดังนั้นวิธีแก้ไขคือทำความสะอาดด้วยไม้ขนไก่  เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าไปจับอีกรอบ  เพราะว่าไฟฟ้าสถิตจะดูดสิ่งสกปรกเข้าไปในตัว  หากเป็นวัสดุที่เป็นผ้าให้ทำการถอดล้างออกเลยจะดีกว่า  ที่เป็นกระดาศสามารถให้ที่ปัดฝุ่นหรือว่าผ้าซุบน้ำหมาดๆ  เช็ด
                โทรทัศน์
                การทำความสะอาดหน้าจอ  สามารถที่จะเลือกได้ทั้งน้ำยาที่ทำความสะอาดหน้าจอทีวีได้โดยเฉพาะหรือว่าจะ ใช้  แอลกฮอล์ชูบน้ำแล้วเช็ดบริเวณหน้าจอเบาๆได้  สำหรับฝุ่นที่อยู่ภายในเครื่องสามารถที่จะใช้อุปกรณ์เป่าได้  แต่ถ้าไม่มีให้ใช้ไดร์เป่าผมใช้ปรับแบบเย็น  ก่อนนั้นให้ใช้ผ้าซุบน้ำหรือว่าผ้าแช่น้ำบิดให้หมาดๆ  มาคลุมที่ช่องด้านหลังโทรทัศน์ไว้  แล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าด้านล่างขึ้นไป  ฝุ่นจะไปเกาะผ้าทำแบบนี้หลายๆครั้งจนฝุ่นหมด  จะทำให้โทรทัศน์ของเราระบบความร้อนและมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย
                เครื่องซักผ้า
                เครื่องซักผ้าเสียงดัง  ตามจริงแล้วก็มีเสียงเป็นธรรมดาแต่จะมีเสียงแตกต่างไปจากเดิม  ดังนั้นหากพบว่ามันแตกต่างไปจากเดิมให้ลองเอาน้ำมันหล่อลื่นหยอดตามข้อต่อ ต่างๆ  ลองดู
                สำหรับการทำความสะอาดของถังนั้นปกติช่างจะทำการถอดออกมาฉีดทำความสะอาด  ถ้าทำแบบนั้นได้ก็ถอดมาได้  แต่ถอดไม่เป็นก็ใช้น้ำอุ่นไม่ต้องร้อนเอาแค่อุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส  ลงไปในเครื่องแล้วทำการปั่นปกติใส่น้ำส้มสายชูลงไป  แล้วก้ปล่อยน้ำทั้งก็จะทำให้ถังเครื่องซักผ้านั้นดูสะอาดมากขึ้น  และควรทำเช่นนี้บ่อย
                สำหรับการดูแลรักษานั้นควรพึ่งระวังน้ำในการซักผ้านั้นไม่ควรที่จะเกิด 40 องศาเซลเชียสเพราะว่าจะทำให้ถังและส่วนประกอบอื่นๆชำรุดได้ง่าย  การที่จะซักทุกครั้งควรที่จะค้นหาว่าในกระเป๋าเสื้อ  กางเกงไม่ควรมีกระดาษ  คลิป  หรือว่าสิ่งแปลดปลอมอื่นๆเข้าไป  และนำหนักไม่ควรเกินจากที่กำหนดไว้  ซึ่งเป็นการคำนวนจากน้ำหนักผ้าและน้ำหนัดของน้ำด้วย
                เครื่องดูดฝุ่น
                เครื่องดูดฝุ่นนั้นทำงานเกี่ยวกับฝุ่นจึงทำให้มีฝุ่นมาสะสมได้  ดังนั้นต้องดูแลความสะอาดเป็นอย่างยิ่ง  โดยพาะถุงที่เก็บฝุ่นนั้นควรที่จะนำไปเททุกครั้งแล้วทำความสะอาด  อย่าให้มีรู้ที่ผ้าโดยเด็ดขาดเพราะว่าจะทำให้ฝุ่นนั้นเข้าไปในเครื่องได้  หากใช้ไปแล้วเครื่องดูดฝุ่นไม่มีแรงดูดเช่นเดิมแน่องจากมีฝุ่นเข้าไปในระบาย อากาศของเครื่อง  เข้าไปมีการอุดตันจึงต้องตรวจสอบและทำความสะอาดบริเวณช่องลม

การปลูกต้นไม้แบบไร้ดิน

การปลูกต้นไม้แบบไร้ดิน

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

ภาพแสดงการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินแบบหนึ่ง
การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน หรือที่เราเรียกว่า โฮโดรโปนิกส์ ( Hydroponics )
                 ในการปลูกพืชโดยปกติทั่วๆไปมักจะมีปัญหาเรื่องโรคและแมลงต่างๆ มากมาย ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจากดินที่เราใช้ปลูก การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินช่วยให้เราหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องโรคต่างๆ ทำให้ได้ผลผลิตสูง       มีคุณภาพ ผลผลิตมีความสม่ำเสมอ สามารถวางแผนการปลูกได้กำหนดปริมาณการผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือความต้องการของตลาดได้ดีกว่าที่สำคัญในขณะนี้ก็คือ สามารถขายได้ราคาเทคโนโลยีการปลูกพืชไม่ใช้ดิน ตรงกับคำในภาษาอังกฤษคือ Hydroponics โดย W.F.Gericke มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เป็นคนตั้งขึ้นจากคำ    ในภาษากรีก 2 คำคือ Hydro แปลว่า น้ำ (Water) และ Ponos แปลว่า ทำงานหรือแรงงาน (Labor) รวมกันเป็น การทำงานที่เกี่ยวกับน้ำ (Water Working) ขาเป็นคนแรกที่นำเทคนิคการปลูกพืชแบบนี้ไประยุกต์ใช้เพื่อ       ปลูกพืชเป็นการค้นในราวต้นศตวรรษที่ 19 จากการทดลองของเขาพบว่าวิธีนี้สามารถปลูกพืชได้เกือบทุกชนิด นอกจากจะผลิตพืชได้มากแล้วยังสามารถใช้ปลูกพืชได้ในพื้นที่ที่ไม่มีดินเหมาะสมต่อการปลูกพืช เช่น ในสภาพที่มีแต่หินบนหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก  ซึ่งทหารอเมริกันได้ใช้วิธีนี้ปลูกพืชผักเพื่อรับประทานสดได้ทุกวัน      โดยเฉพาะที่โซฟุ (Chofu) ประเทศญี่ปุ่น  จากนั้นการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จึงแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
                 การปลูกพืชไม่ใช้ดินอาจแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ การปลูกพืชโดยให้ส่วนของรากแช่อยู่ในสารละลายธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง หรือปลูกบนวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ดินและรดด้วยสารละลายธาตุอาหารหรือน้ำปุ๋ย วัสดุที่ใช้ปลูกพืชอาจจะเป็นสารอนินทรีย์ เช่น กรวด ทราย หิน ที่ได้จากธรรมชาติหรือที่มนุษย์ทำขึ้นมา เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) เวอร์มิคิวไลท์ (Vermiculite) ร็อกวูล (Rockwool) หรือสารอินทรีย์ เช่น พีท (Peat) มอส (Moss) ขี้เลื่อย เปลือกไม้ เปลือกมะพร้าวสับ ขุยมะพร้าว แกลบสดและถ่านแกลบ เป็นต้น
ข้อดีและข้อเสียของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน
เนื่องจากการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์มีการจัดปัจจัยต่าง ๆ  เช่น  น้ำ  แร่ธาตุ แสงอุณหภูมิให้แก่พืชอย่างเหมาะสม พืชจึงเจริญเติบโตเร็ว และให้ผลผลิตมากสม่ำเสมอ สะอาด มีคุณภาพดี ปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี สามารถปลูกพืชได้ในพื้นที่ไม่มีดิน หรือมีดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช      การใช้น้ำใช้ปุ๋ยเป็นไปอย่างมีประ-สิทธิภาพ ใช้แรงงานน้อย  การควบคุมโรค แมลงศัตรูพืชทำให้ง่ายกว่า ข้อเสียมักจะเป็นเรื่องการลงทุนในระยะแรก มีการลงทุนสูง แต่ในระยะยาวนับว่าน่าลงทุนเพราะความต้องการในตลาดปัจจุบัน   มีแนวโน้มการบริโภคที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้นทุกวัน เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า ราคาผักทั่วไปในตลาดสดและราคาผักที่ปลูกแบบไม่ใช้ดินมีราคาที่แตกต่างกันมาก